ดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน
ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและวัฒนธรรมของมนุษย์มาตั้งแต่เกิด
และยังดำเนินความ
สัมพันธ์กับชีวิตมาตลอด
ดนตรีจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจนยากจะแยกออกจากกันได้
เพราะอาจจะถือได้ว่าศิลปดนตรีนั้นเป็นปัจจัยที่ห้าของมนุษย์ ที่สร้างดนตรีขึ้นเพื่อที่จะระบายความคิด
ความรู้สึก หรือสร้างมโนภาพและประสบการณ์จริง
ซิ่งอาจเป็นความสุขหรือความทุกข์ด้วยเหตุนี้จึงสร้างศิลปขึ้นมาเพื่อชีวิต
ดนตรีจึงเป็นศิลปที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์
ดนตรีนั้นยังเกี่ยวข้องกับสังคมในแต่ละท้องถิ่นที่เรียกว่า ดนตรีพื้นบ้าน
ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสืบเนื่องกันมาของชาวบ้านที่ประกอบพิธีต่าง ๆ
ดนตรีพื้นบ้านจึงมีความสัมพันธ์ต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน
ทั้งในด้านบันเทิงใจของคนในสังคม ให้ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน
และในด้านการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ช่วงชีวิตของชาวบ้าน
ซึ่งจะสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลหรือกลุ่มชนในระยะเวลาต่าง ๆ
ซึ่งแต่ละกลุ่มชนยังคงรักษาไว้และนิยมเล่นกันในปัจจุบันอย่างเช่น
ดนตรีพื้นบ้านอีสาน
ความเป็นมาของดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน
ดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน เป็นดนตรีประจำภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีประวัติความเป็นมานับพันปี และสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
โดยยังดำรงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมพื้นบ้านไว้อย่างมั่นคง
ในการศึกษาอาจสืบค้นจากการใช้คำว่า ดนตรี ในวรรณกรรมพื้นบ้านได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน
1.
ประวัติการปรากฏคำว่า ดนตรี ศัพท์ที่ใช้อยู่ในภาษาไทยกลางและไทยอีสานในปัจจุบันนี้
เดิมเป็นคำภาษาสันสกฤต ตันตริ หรือจากภาษาบาลีว่า
ตุริยะ หรือ มโหรี คำว่า ตันตริ
ที่ปรากฏในวรรณกรรมพื้นบ้านอีสานเขียนว่า นนตรี
ซึ่งก็คือ ดนตรี นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีคำที่มีความหมายคล้ายคลึงกันดังนี้
1.1 คำว่า นนตรี พบในวรรณกรรมพื้นบ้านอีส่านหลายเรื่อง
ได้แก่ สินไช แตงอ่อน การะเกด ดังตัวอย่างดังนี้
- บัดนี้จักกล่าวเถิงภูชัยท้าว
เสวยราชเบ็งจาล ก่อนแหล้ว ฟังยินนนตรีประดับ กล่อมซอซุง
1.2 คำว่า ตุริยะ อาจเขียนในรูป
ตุริยะ ตุริยา ตุริเยศ หรือ ตุริยางค์
เช่น
- เมื่อนั้นภูบาลฮู้ มุนตรีขานชอบ
ฟังยินตุริเยศย้าย กลองฆ้องเสพเสียง
1.3 คำว่า มโหรี อาจมาจาก
มโหรี ที่เป็นชื่อปี่
หรือมาจากคำว่า โหรี ซึ่งหมายถึงเพลงพื้น
เมืองชนิดหนึ่งของอินเดีย คำว่า มโหรี
พบในวรรณคดีของอีสานดังนี้
- มีทั้งมโหรีเหล้น
ทังละเม็งฟ้อนม่ายสิงแกว่งเหลื้อม โขนเต้นใส่สาว (สิง = นางฟ้อน นางร้ำ)
จะเห็นได้ว่า คำว่า นนตรี ตุริยะ และ มโหรี
เป็นคำที่นิยมใช้ในวรรณคดีและหมายถึง ดนตรี ประเภทบรเลงโดยทั่วไป
แต่ในปัจจุบันคำว่า ดนตรี หมายถึง ดนตรีของราชสำนักภาคกลางหรือดนครีไทยสากล
ส่นดนตรีพื้นบ้านของชาวอีสานจะมีชื่อเรียกเป็นคำศัพท์เฉพาะเป็นอย่าง ๆ ไป เช่น ลำ
( ขับร้อง) กล่อม สวดมนต์ สู่ขวัญ เซิ้ง เว้าผญา หรือจ่ายผญา
สวดสรภัญญะและอ่านหนังสือผูก เป็นต้น
การที่จะสืบค้นประวัติความเป็นมาของดนตรีอีสานให้ได้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงนั้นทำ ได้ยาก เพราะไม่มีเอกสารใดที่บันทึกเรื่องราวทางดนตรีโดยเฉพาะ จะมีกล่าวถึงในวรรณคดีก็เป็นส่วนประกอบของท้องเรื่องเท่านั้นเอง และที่กล่าวถึงส่นมากก็เป็นดนตรีในราชสำนัก โดยกล่าวถึงชื่อดนตรีต่าง ๆ เช่น แคน พิณ ซอ ไค้ (แคนของชาวเขา) ขลุ่ย กลอง ตะโพน พาทย์ (กลอง ระนาด ฆ้อง สไนง์ ( ปี่เขาควาย) สวนไล (ชะไล-ปี่ใน) ปี่อ้อหรือปี่ห้อ เป็นต้น ส่วนการประสมวงนั้นที่เอยก็มีวงมโหรี ส่วนการประสมอย่างอื่นไม่กำหนดตายตัวแน่นอน เขัาใจว่าจะประสมตามใจชอบ แม้ในปัจจุบันการประสมวงของดนตรีอีสานก็ยังไม่มีมาตรฐานที่แน่ยอนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามดนตรีอีสานในปัจจุบันที่ยังคงปฏิบัติอยู่มีทั่งดนตรีประเภทบรรเลงและดนตรีประเภทขับร้อง
วิวัฒนาการของดนตรีพื้นบ้านอีสาน
อ้างอิงจาก http://student.nu.ac.th/thaimusicclub/