เครื่องดนตรีอีสานใต้

เครื่องดนตรีประเภทตี

กลองกันตรึม 
           กลองกันตรึม เป็นกลองขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายโทนทางภาคกลาง แต่มีความยาวมากกว่า ตัวกลองทำจากแก่นไม้ขนุนหรือลำต้นของต้นมะพร้าวก็ใช้ทำได้ แต่แก่ไม้ขนุนเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะทำให้เสียงดังกังวาน การทำใช้วิธีกลึงภายนอกให้เป็นรูปกลอง และขุดภายในให้กลวง โดยให้มีความหนาของตัวกลองประมาณ 1 นิ้ว พร้อมทั้งตบแต่งผิวภายนอกให้เรียบและขัดเงา 
การขึงหนังกลอง หนังที่นิยมใช้คือหนังของลูกวัว หนังงูเหลือม หนังตะกวด แต่ที่นิยมกันมาก คือ หนังลูกวัว ที่นำมาฟอกโดยการแช่ในน้ำเกลือ แล้วตำให้หนังบาง เมือหนังบางจนได้ที่ดีแล้ว ก็นำไปขึงตึงบนหน้ากลองในขณะที่หนังยังเปียกอยู่การขึงหนังกลองใช้วิธีเจาะรูโดยรอบ ร้อยเชือกสลับยึดที่เอวกลอง (ส่วนที่คอดขึงตัวกลอง) โดยใช้ลวดแข็งขนาดใหญ่เป็นที่สาวเชือกเพื่อให้หนังกลองตึง เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง คือ กลองกันตรึมนี้ เป็นกลองที่ไม่มีไส้ละมาน 
ขนาดของกลอง กลองกันตรึมที่ใช้โดยทั่วไป จะมี 2 ลูก เรียกว่าตัวผู้และตัวเมีย ซึ่งทั้งคู่มีขนาดเท่ากัน เรียกชื่อแตกต่างกันที่ระดับเสียงทุ้ม แหลมที่เกิดจากการขึงหนังกลองให้ตึงมากน้อยแตกต่างกันเท่านั้น

กลองตุ้ม , ตี 
           กลองสองหน้าขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 60 เซนติเมตร ยาว 70-75 เซนติเมตร ขึงหน้าสองหน้าด้วยหนังวัว ตรึงด้วยหมุด ตัวกลองทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ใช้แขวนตีด้วยไม้เช่นเดียวกับกลองทัดและกลองเพล (ภาคกลาง) 
กลองตุ้ม เป็นกลองที่ตีให้สัญญาณตามวัดมาช้านานแล้ว ชาวอีสานใต้นำมาประสมวงตุ้มโมงไม่ทราบว่าแต่ครั้งใด 
การเทียบเสียง แล้วแต่ขนาดของกลอง แต่ตามปกติจะมีเสียงดังสะท้านกังวาลไปไกลมาก

สากไม้ 
           โดยปกติใช้ตำข้าว แต่นำมาใช้เป็นเครื่องประกอบจังหวะและประกอบการเล่น “ เรือมอันเร ” 
( ลาวกระทบไม้และม้าจกคอกของพายัพ) สากคู่หนึ่งยาวประมาณ 2 เมตร วางไว้บนอีกคู่หนึ่งประมาณ 1 เมตร สากทั้งสองคู่นี้นิยมทำด้วยไม้แทน เวลาเล่นใช้คน 2 คน จับสากคู่บน (คนละข้าง) กระทบกันและกระทบลงบนสากที่รองข้างล่างเป็นจังหวะ 
การเทียบเสียง ใช้กระทบเป็นจังหวะเท่านั้น

ฆ้องราว 
           ตัวฆ้องทำด้วยโลหะหล่อขนาดต่าง ๆ กันจำนวน 9 ลูก ผูกด้วยเชือกหนังแขวนไว้กับราวที่ทำด้วยหวายเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาว ๆ คล้ายราง ตีด้วยไม้ 
การเทียบเสียง ไม่มีการเทียบเสียง แลัวแต่ขนาดของลูกฆ้องเรียงจากลูกใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือไปหาลูกเล็กทางขวามือ 
เวลาตีตีเรียงกันไปทีละลูก จากซ้ายไปขวาไม่มีทำนอง

เครื่องดนตรีประเภทสี

ซอกันตรึม 
           ซอกันตรึมเป็นซอที่มีลักษณะคล้ายกันกับซออู้ แตกต่างกันเพียงตรงที่ กะโหลกซอกันตรึมจะใหญ่กว่า ซอกันตรึมที่มีเสียงสูง และมีลักษณะคล้ายซอด้วงจะเรียกกันว่า “ ซอตรัวเอก ” ( ตรัวแปลว่าซอ) แต่ถ้าซอกันตรึมที่มีระดับเสียงทุ้มต่ำคล้ายซออู้ และกะโหลกทำด้วยกระลามะพร้าว เรียกว่าซออู้เหมือนกัน ซอกันตรึมทั้งสองนี้ มีระดับเสียงสูงกว่าระดับเสียงของซออู้และซ้อด้วงธรรมดา สายละ 1 เสียงเต็ม กล่าวคือ ทั้งคู่ขึ้นเสียงตามปี่ใน 
           กะโหลกของซอตรัวเอก ทำจากไม้เนื้อแข็ง กว้านให้กลวงโดยเหลือความหนาเฉลี่ยโดยประมาณ 0.5 นิ้ว ขึงหนังด้านหนึ่งด้วยหนังตะกวด หรือหนังลูกวัวบางๆ และมีรูสำหรับสอดใส่คัดทวน ปลายคันคันทวนมีลูกบิดสองลูก สำหรับขึงสาย ส่วนสายนั้นทำด้วยลวดเหนียว โดยมากที่พบเห็นมักใช้ลวดจากสายเบรครถจักรยาน ขนาดของซอกันตรึม มักจะไม่เป็นมาตรฐานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับฝีมือและความพอใจของผู้ประดิษฐ์

ตรัวอู้ 
           เครื่องสายใช้สี กล่องเสียงทำด้วยกระโหลกมะพร้าว ฝานออกด้านหนึ่งหุ้มด้วยหนัง ด้านตรงข้ามเป็นกล่องเสียง คันซอทำด้วยไม้ สายทำด้วยลวด คันชักอยู่ระหว่างสาย มีเล่นกันในท้องถิ่นมาช้านานแล้ว 
การเทียบเสียง ขึ้นคู่ 5 โด-ซอล

ซอกระดองเต่าและซอเขาควาย 
           เครื่องสายชนิดหนึ่งใช้คันชักสี คันชักอยู่ระหว่างสายลวด ตัวกล่องเสียงด้วยกระดองเต่าตัดส่วนหน้าออกขึงด้วยหนังงู คันซอทำด้วยไม้ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร มีลูกบิดขึงสาย 2 อัน อยู่ตอนบนของคันซอ ขนาดที่ทำแตกต่างกันไปแล้วแต่ความต้องการ 
อีกชนิหนึ่งใช้เขาควายตัดตามขนาดที่ต้องการขึงหน้าด้านหนึ่ง 
การเทียบเสียง ขึ้นคู่ 4 ระหว่างสายทั้งสองเส้น เทียบเสียงเข้ากับเครื่องดนตรีอื่น ๆ เวลาเล่นประสมวง

เครื่องดนตรีประเภทเป่า

ปี่อ้อ (แป็ยออ) 
           ปี่อ้อ เป็นปี่ที่มีลักษณะแปลกไปจากปี่โดยทั่วๆไปที่ใช้อยู่ในวงดนตรีต่างๆ ของไทยคือ ลำตัวและลิ้นแบ่งส่วนออกจากกัน และทำด้วยไม้อ้อ ส่วนที่เป็นลิ้นจะถูกเหลาให้บางและบีบให้แบนประกบกันในลักษณะของลิ้นแฝด แต่อีกด้านหนึ่งยังมีลักษณะกลมอยู่เพื่อสอดเข้ากับตัวปี่ ที่ปลายลิ้นมีไม้ไผ่เหลาแบนเล็ก ๆ 2 อันบีบ ประกบลิ้นเพื่อให้ลิ้นแบนและเป็นที่จรดเม้มปากอีกด้วย ส่วนลำตัวของปี่ เจาะรู 7 รู สำเนียงของปี่อ้อจะทุ่มมีกังกวานแหบต่ำ ฟังดูลึกลับไม่เบิกบาน แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ ชาวจังหวัดสุรินทร์พื้นเมืองเดิมรู้จักปี่อ้อมานาน หาผู้เป่าได้ยากมาก

ปี่เตรียง หรือ ปี่เญ็น 
            ปี่ชนิดนี้ มีลักษณะที่แปลกไม่เคยพบเห็นในท้องที่อื่นนอกจากแถบจังหวัดสุรินทร์ ตัวปี่และลิ้นอยู่รวมกันโดยไม้ไผ่ขนาดเท่าขลุ่ยเพียงออ แต่ไม่กลวงตลอด ปลายท่อด้านลิ้นจะปิด จัดเป็นเครื่องลมไม้ชนิดท่อปลายปิด ส่วนปลายปิดนี้จะเป็นส่วนของลิ้นโดยใช้มีดปาดเฉลียงแบบล้นเดียว ปี่ชนิดนี้หาดูยากมาก 
ส่วนที่เป็นลิ้น เกิดจากการถูกบีบปลายท่อ และปาดให้เป็นมุม โดยมีความบางพอที่จะเกิดความสั่นสะเทือนได้ เมื่อเป่าล้มผ่านลงไป

ปี่เขาควาย 
           เป็นปี่ที่ทำมาจากเขาสัตว์ กลลุ่มวัฒนธรรมกันตรึมเรียกว่า ปี่สไนง์หรือสแนง เป็นปี่ชนิดที่ทำมาจากเขาควายโดยเจาช่องเป็นด้านยอดของเขาควายใส่ลิ้นอย่างเดียวกับแคน ผนึกด้วยขี้สูดให้สนิทใช้เชือกผูกปลายเขาทั้งสองข้าง แขวนคอแล้วเป่าโดยใช้อุ้มมือขวาเปิดปิดเพื่อควบคุมระดับเสียง ได้ประมาณ 3 เสียงนิยมเป่าประกอบเซิ้งบั้งไฟหรือขบวนแห่ต่าง ๆ สำหรับพวกส่วยหรือกุยมีอาชีพคล้องข้าวในแถบจังหวัดสุรินทร์นิยมใช้สไนง์

ปี่ไฉน , ปี่สไน , ปี่เน 
           ปี่ไฉนเป็นปี่ลิ้นคู่ ลิ้นปี่ทำด้วยใบตาลสวมต่อกับเลาปี่ที่ทำด้วยไม้ ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร มีรูบังคับเสียง 6 รู และรูหัวแม่มืออีก 1 รู ตรงปลายเลาปี่ทำเป็นปากลำโพง ขนาดประมาณ 5-7 เซนติเมตร คล้ายปี่ไฉนภาคกลาง และปี่ไฉนภาคใต้ มีหลักฐานว่าปี่ไฉนมีใช้มาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ในภาคอีสานมีมาช้านานแล้ว 
การเทียบเสียง เป็นระบบ 5 เสียง

 

เครื่องดนตรีประเภทดีด

พิณกระแสเดียวหรือกระแสมุย
          พิณกระแสเดียวหรือกระแสมุย แปลว่า พิณเสียงเดียวหรือพิณสายเดียว 
กระโหลกพิณทำด้วยลูกน้ำเต้าแก่จัดตากให้แห้ง ตัดครึ่งด้านยาวของผลและแกะเมล็ดในออกและเยื่อออกให้หมดใช้หมายขันชะเนาะกระโหลกน้ำเต้า ให้ติดกับโคนของพิณลูกบิดอยู่ในสุดของคันพิณ ขึงโยงด้วยสายโลหะจากลูกบิดสอดหวายที่ขันชะเนาะอยู่ไปผูกกับปลายคันพิณตอนปลายสุด มีลักษณะงอนเป็นรูปพญานาคชูหัว ชาวไทยภาคกลางเรียกว่า พิณน้ำเต้า

พิณน้ำเต้า 
           พิณสายเดียวทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ยาวประมาณ 75 เซนติเมตร ปลายข้างหนึ่งทำด้วยโลหะหล่อเป็นลวดลายสำหรับขึงสายสวมติดไว้ ด้านตรงข้ามมีลูกบิด ทำด้วยไม้เนื้อแข็งสอดไว้ กล่องเสียงทำด้วยผลน้ำเต้ามีเชือกรัดสายพิณ ซึ่งทำด้วยโลหะให้คอดตรงบริเวณใกล้กล่องเสียง ใช้บรรเลงด้วยการดีดดัวยนิ้วมือ เวลาบรรเลงจะใช้กล่องเสียงประกบกับอวัยวะร่างกาย เช่นหน้า อก หรือท้อง มีเสียงเบามากสามารถทำหางเสียง ( Harmonic ) ได้ด้วย พิณน้ำเต้าเป็นเครื่องดีดที่เก่าแก่มากชิ้นหนึ่ง มีเล่นกันมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่อาจระบุระยะเวลาได้ 
การเทียบเสียง ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว แล้วแต่ผู้บรรเลงจะพอใจเพราะใช้บรรเลงโดยเอกเทศ

จาเปยหรือกระจับปี่ 
           มีลักษณะคล้าย ซึง มีสายคู่ซึ่งสายแต่ละคู่ตั้งเสียงให้เท่ากัน คันพิณทำด้วยไม้เนื้อแข็งส่วนกล่องเสียงมักทำด้วยไม้ขนุน หรือไม้สักที่ส่วนปลายสุดของคัณพิณมี 4 รู เพื่อใส่ลูกบิดและร้อยสายที่คันพิณจะมีที่วางนิ้ว ซึ่งมีระดับเสียงต่าง ๆ กัน มีสาย 2-4 สาย 

อังกุ๊ยจ์ 
          เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด ชาวไทยภาคกลางเรียกว่า จ้องหน่อง ชาวอีสานเรียก หุนหึน ทำด้วยไม้ไผ่เวลาเป่าจะสอดไว้ในปาก

การประสมวงดนตรีพื้นบ้านอีสานใต้

 

อ้างอิงจาก http://student.nu.ac.th/thaimusicclub/