เพลงดนตรีไทย
แบ่งได้เป็น 4 แบบคือ
- เพลงหน้าพาทย์ คือเพลงที่ใช้บรรเลงประกอบอากัปกิริยาของตัว โขน ละคร หรือใช้สำหรับอัญเชิญพระเป็นเจ้า ฤษี เทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหลายให้มาร่วมใน พิธีไหว้ครู และพิธีที่เป็นมงคลต่างๆ
อากัปกิริยาของตัวโขนละครต่างๆ นั้น เป็นกิริยาที่มองเห็นได้ เพราะกำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เช่น กิริยาเดิน วิ่ง นั่ง นอน กิน เศร้าโศก ร้องไห้ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนอากัปกิริยาของพระเป็นเจ้า ฤษี และเทพพรหมต่างๆ ที่อัญเชิญมาร่วมในพิธีไหว้ครู และพิธีมงคลต่างๆ นั้นถือว่าเป็นกิริยาสมมุติ เพราะมองไม่เห็น เช่น สมมุติว่าเวลานี้ได้เสด็จแล้ว ก็บรรเลงเพลงหน้าพาทย์รับเสด็จ
อนึ่ง เพลงหน้าพาทย์นั้นถือเป็นเพลงชั้นสูง และมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงมักจะบรรเลงตามขนบดั้งเดิม ไม่นิยมดัดแปลงหรือแต่งเดิมอย่างเพลงที่ใช้บรรเลงทั่วไป นอกจากนี้แล้ว เพลงหน้าพาทย์ยังเป็นเพลงที่ใช้บรรเลงเพียงอย่างเดียว ไม่มีบทร้องหรือเนื้อร้องประกอบ
- เพลงขับร้อง ที่เรียกว่าเพลงรับร้องก็ด้วยบรรเลงรับจากการร้อง คือ เมื่อคนร้องได้ร้องจบไปแล้วแต่ละท่อน ดนตรีก็ต้องบรรเลงรับในท่อนนั้น ๆ โดยมากมักเป็นเพลงอัตรา 3 ชั้นและเพลงเถา เช่น เพลงจระเข้หางยาว 3 ชั้น เพลงสี่บท 3 ชั้น และเพลงบุหลันเถา เป็นต้น
- เพลงละคร หมายถึงเพลงที่บรรเลงประกอบการแสดง โขน ละคร และมหรสพต่าง ๆ ซึ่งหมายเฉพาะเพลงที่มีรัองและดนตรีรับเท่า นั้น เพลงละครได้แก่เพลงอัตรา 2 ชั้น เช่น เพลงเวสสุกรรม เพลงพญาโศก หรือชั้นเดียว เช่น เพลงนาคราช เพลงตะลุ่มโปง เป็นต้น
- เพลงเบ็ดเตล็ด ได้แก่ เพลงเล็ก ๆ สั้น ๆ สำหรับใช้บรรเลงเป็นพิเศษ เช่น บรรเลงต่อท้ายเพลงใหญ่เป็นเพลงลูกบท หรือเพลงภาษา ต่าง ๆ ซึ่งบรรเลงเพื่อสนุกสนาน
เพลงหน้าพาทย์สำหรับแสดงโขน, ละคร
เพลงที่เกี่ยวกับการแสดงอิทธิฤทธิ์
- ตระนิมิตร - ใช้สำหรับแปลงกาย
- รัว - ใช้สำหรับการแสดงอิทธิฤทธิ์หรือแปลงกายในเวลาสั้น ๆ
- รัวมอญ - ใช้เหมือนรัวแต่ใช้กับตัวละครที่เป็นมอญ
- รัวพม่า - ใช้เหมือนรัวแต่ใช้กับตัวละครที่เป็นพม่า
เพลงที่เกี่ยวกับการแผลงฤทธิ์เดช
- คุกพาทย์ - ใช้สำหรับตัวแสดงสำคัญ และการเชิญพระพิฆเนศ
- รัวสามลา - ใช้สำหรับตัวละครทั่วไปในการแผลงฤทธิ์เดชที่สำคัญ
เพลงที่เกี่ยวกับการจัดทัพและยกทัพ
- ปฐม (ใช้ในการรำตรวจพลเดี่ยวของแม่ทัพ ตัวละครที่รำเพลงนี้มีสุครีพและมโหทร)
- กราวนอก (ใช้บรรเลงประกอบการตรวจพลของฝ่ายลิงและฝ่ายมนุษย์)
- กราวใน (ใช้บรรเลงประกอบการตรวจพลและยกทัพของฝ่ายยักษ์ หรือการเดินทางเดี่ยว ๆ ของยักษ์สำคัญ ๆ)
- กราวกลาง (ใช้บรรเลงประกอบการตรวจพลของฝ่ายมนุษย์ ส่วนมากใช้ในการใส่เนื้อร้อง)
เพลงที่เกี่ยวกับการไปมาหรือเดินทาง
- เพลงโคมเวียน (ใช้ประกอบกิริยาการเดินทางในอากาศของเทวดาและนางฟ้า)
- เพลงเหาะ (เป็นเพลงหน้าพาทย์ใช้บรรเลงขณะ ตัวละครกำลังทำกิริยาเกี่ยวกับการเหาะ ส่วนมากใช้ในละครใน)
เพลงเสมอ
ใช้ในการเดินทางใกล้ ๆ เพลงเสมอมีดังนี้
- เสมอธรรมดา (ใช้กับตัวละครทั่วไป)
- เสมอเถร (ใช้กับฤๅษี นักพรต)
- เสมอมาร (ใช้กับยักษ์)
- เสมอเข้าที่ (ใช้กับครูบาอาจารย์)
- บาทสกุณี (ใช้กับตัวละครฝ่ายพระ นาง ที่สำคัญ เช่นพระราม พระลักษมณ์)
- เสมอมอญ (ใช้กับตัวละครที่เป็นมอญ)
- เสมอลาว (ใช้กับตัวละครที่เป็นลาว)
- เสมอพม่า (ใช้กับตัวละครที่เป็นพม่า)
- เพลงเข้าม่าน (ใช้ประกอบการเดินเข้าที่พำนัก หรือเข้าห้องต่าง ๆ)
เพลงเชิด
ใช้ในการเดินทางไกล การไล่ล่า การรบ แบ่งเป็น
- เชิดธรรมดา (ใช้กับมนุษย์ทั่วไป)
- เชิดนอก (ใช้กับการไล่ล่า จับตัวของอมนุษย์กับอมนุษย์ ส่วนมากในการเดี่ยวระนาดเอกหรือปี่ใน ประกอบแสดงจับนาง)
- เชิดฉาน (ใช้กับการไล่ล่า จับตัวของมนุษย์กับสัตว์ เช่น พระรามตามกวาง)
- เชิดฉิ่ง (ใช้ประกอบการแสดงถึงที่ลึกลับ หรือการเหาะของตัวละคร หรือใช้ประกอบการรำก่อนที่จะใช้อาวุธสำคัญหรือก่อนกระทำกิจสำคัญ)
- เชิดกลอง (สำหรับการต่อสู้ การรุกไล่ฆ่าฟันกันโดยทั่วไปใช้บรรเลงต่อจากเชิดฉิ่ง)
เพลงอื่น ๆ
- กลม (ใช้กับเทพเจ้าระดับสูง)
- โคมเวียน (ใช้กับเทวดาระดับทั่วไป)
- พญาเดิน (ใช้กับพระมหากษัตริย์จนพญาต่าง ๆ เช่น พญาวานร พญายักษ์)
- กลองโยน (ใช้ในกระบวนพยุหยาตรา)
- เพลงฉิ่ง (ใช้ในการชมสวน ดอกไม้)
- เพลงโล้ (ใช้ในการเดินทาง ทางน้ำ)
- เพลงแผละ (ใช้กับการบินของสัตว์ที่มีปีกเช่น พญาครุฑ นกสดายุ หรือยุงในตอน หนุมานหักด่านเมืองบาดาล)
- เพลงชุบ (ใช้ประกอบการเดินของนางกำนัล)
เพลงหน้าพาทย์เบ็ดเตล็ด
- ตระนอน (ใช้ในการนอน)
- ตระบรรทมไพร (ใช้ในการนอนในป่าของพระราม)
- ลงสรง (ใช้ในการอาบน้ำของตัวละครเอก และยังใช้ในการสรงน้ำเทวรูปต่าง ๆ)
- ลงสรงโทน (ใช้ในการแต่งตัว)
- นั่งกิน (สำหรับอัญเชิญครูบาอาจารย์ เพื่อถวายกระยาหารสังเวย)
- เซ่นเหล้า (ใช้ตอนดื่มสุรา หรือใช้ตอนภูต ผี ปีศาจออกแสดง)
เพลงที่เกี่ยวกับแสดงความภาคภูมิใจ
- ฉุยฉาย
- แม่ศรี
เพลงที่เกี่ยวกับการอัญเชิญเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
- สาธุการ (ใช้เชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดให้มาชุมนุมในพิธี ถือว่าเป็นเพลงศักดิ์สิทธิ์ และใช้เป็นเพลงบูชาพระรัตนตรัย หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ)
- ตระเชิญ (ใช้เชิญเทวดาผู้ใหญ่)
เพลงประกอบการแสดงอารมณ์ทั่วไป
- เพลงโลม (ใช้เกี้ยวพาราสีของตัวละครเอก มักจะใช้คู่กับเพลงตระนอน)
- เพลงกล่อม (สำหรับการขับกล่อมเพื่อการนอนหลับ
- ทยอย (ใช้ในตอนเดินเศร้าโศกเสียใจร้องไห้)
- โอดสองชั้น (ใช้ในการเศร้าโศกเสียใจของตัวละครที่มีศักดิ์สูง)
- โอดชั้นเดียว (ใช้ในการเศร้าโศกเสียใจตัวละครทั่วไป และใช้ในการตายของตัวละครต่างๆ)
- โอดมอญ (ใช้ในการเศร้าโศกเสียใจของตัวละครที่เป็นมอญ)
- โอดลาว (ในการเศร้าโศกเสียใจของตัวละครที่เป็นลาว)
- ทยอยเขมร (ประกอบกิริยาครุ่นคิดหรือความโศกเศร้าเสียใจ)
เพลงสำหรับกิริยาเยาะเย้ย
- กราวรำ
เพลงสำหรับแสดงความรื่นเริง
- สีนวล
- เพลงช้า
- เพลงเร็ว
เพลงหน้าพาทย์สำหรับพิธีไหว้ครู
การประกอบพิธีไหว้ครูโดยส่วนใหญ่จะเรียกเพลงคล้าย ๆ กัน จะแตกต่างที่ลำดับการเรียก
เพลงที่จะเรียก คือ
- สาธุการ - ใช้ในการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
- สาธุการกลอง - ใช้ในการบูชาครูและเทพเทวดา
- ตระสันนิบาต - ใช้ในการเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประชุมพร้อมกัน ณ ปะรำพิธี
- ตระเชิญ - ใช้ในการเชิญเทพยดาต่าง ๆ
- โหมโรง - ใช้ในการเชิญเทพยดา ความหมายเทียบเท่าโหมโรงเย็น
- พราหม์เข้า, ดำเนินพราหมณ์ - ใช้ในการเชิญพระภรตมุณี (พ่อแก่) และ ฤๅษีต่าง ๆ
- เสมอเถร - ใช้ในการรำของผู้ประกอบพิธีที่จะสมมุติเป็นพระภรตมุณี (พ่อแก่)
- ตระนารายณ์บรรทมสินธุ์ - ใช้ในการเชิญพระนารายณ์
- ตระพระพิฆเนศ - ใช้ในการเชิญพระพิฆเนศ เทพแห่งความสำเร็จ
- ตระพระปรโคนธรรพ - ใช้ในการเชิญพระปรโคนธรรพ เทพแห่งดนตรีปี่พาทย์
- บาทสกุนี (เสมอตีนนก) - ใช้ในการเชิญพระวิศนุกรรม เทพแห่งการช่าง
- องค์พระพิราพเต็มองค์ - ใช้ในการเชิญพระพิราพ เทพแห่งการรำ ถือเป็นเพลงหน้าพาทย์สูงสุดของวงการนาฏดุริยางคศิลป์ การที่จะต่อเพลงนี้ได้นั้นมีกฎเกณท์อยู่หลายประการ
- รำดาบเฉือนหมู - ใช้ในการตัดแบ่งเครื่องสังเวยต่าง ๆ ไปให้แก่สัมภเวสีที่ไม่สามารถเข้ามาในปะรำพิธีได้
- นั่งกิน, เซ่นเหล้า - จะเรียกเพลงคู่กัน ใช้ในการถวายเครื่องสังเวยแก่ครูบาอาจารย์ ตลอดจนเทพยดาทั้งหลาย เปรียบเสมือนการรับประทานอาหารและการดื่มสุรา
- มหาชัย - ใช้ในตอนที่ทำพิธีครอบ ถือเป็นการประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่ลูกศิษย์
- โปรยข้าวตอก - ใช้ในการโปรยข้าวตอกดอกไม้
- พราหมณ์ออก, เสมอเข้าที่ - ใช้ในการเชิญพระภรตมุณีกลับ
- เชิด, กราวรำ - ใช้ในการบรรเลงเพื่อเป็นการส่งครูและเทพยดากลับ
นอกจากนี้ ยังมีเพลงหน้าพาทย์เฉพาะของแต่ละสำนักบ้านดนตรีอื่น เช่น
- ตระกริ่ง
- ตระพระวิศณุกรรม
- ตระพระปัญจสีขร
- ตระพระสุรัสวดี
- ตระพระอิศวร
- ตระศิวะนาฏราช หรือ ตระนาฏราช
- ตระนาง
- ตระพระเจ้าเปิดโลก
- ตระพระฤๅษีกไลยโกฏ
- ตระเชิญเหนือเชิญใต้
แหล่งอ้างอิง
- กรมส่งเสริมวัฒนธรรม - Department of Cultural Promotion
- https://th.wikipedia.org/
- http://thailandclassicalmusic.com/